ตอบ สำหรับประเทศไทยนั้นพบว่าปัจจุบัน "ช่องว่างระหว่างการออมและการลงทุนเป็นบวก" มีผลทำให้ประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินออมจากต่างประเทศมากนัก แต่ภาวะการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากการออมภายในประเทศมีค่อนข้างสูง ในขณะที่ความเจริญเติบโตของการลงทุนชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงปี 2540 - 2541 ดังนั้น รัฐบาลจึงควรส่งเสริมสนับสนุนโดยหามาตรการ เพื่อกระตุ้นทางด้านอุปสงค์ โดยผ่านตัวแปรเศรษฐกิจทางด้านการลงทุนของภาคเอกชนให้สูงขึ้นสำหรับมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนนั้น นอกเหนือไปจากการให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนแล้วรัฐบาลยังควรให้ ความสำคัญกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาคเอกชน ซึ่งจะต้องได้รับการสนับสนุนทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อมจากทุกฝ่าย ซึ่งในประเด็น ดังกล่าวรัฐบาลอาจให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของโครงการว่า มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นแนวทางเช่นเดียวกับการพิจารณาโครงการลงทุนของภาครัฐบาลและรัฐวคำตอบ ิสาหกิจเพื่อเป็นหลักประกันและสร้างความมั่นคงว่าโครงการนั้นๆมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริงแต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรมีแนวนโยบายในการรักษาระดับการออมให้มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงนี้จะเป็น Saving Surplus แต่ก็จะต้องรักษาระดับการออมให้มีความเจริญเติบโตและมีเสถียรภาพ ทั้งนี้เพื่อรองรับในช่วงภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเต็มที่หรือช่วงที่ประเทศต้องการเงินลงทุนสูง เนื่องจากการออมที่แท้จริงควรจะต้องอยู่ในระดับสูง เพื่อสนองตอบความต้องการลงทุนได้ตลอดเวลา นอกจากนั้น รัฐบาลก็จะต้องมีหน้าที่ในการรวบรวมเงินออมและกระจายเงินออมไปสู่นักลงทุน ประการสำคัญ คือ จะต้องสนับสนุนโครงการลงทุนให้เกิดขึ้น ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนเงินออมให้กลายเป็นเงินทุนที่มีดอกผล เพื่อช่วยกระตุ้นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเงินและการคลังของประเทศในระยะยาว